Category Archives: อำเภอศรีราชา

อำเภอศรีราชา

อำเภอศรีราชา เป็นอำเภอขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรีตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย พื้นที่ส่วนใหญ่มีภูเขาล้อมรอบและเป็นที่ลาดเนิน เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอบางละมุง และเมื่อมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่บริหารจัดการ จนมีการแยกพื้นที่ส่วนนี้ตั้งเป็นอำเภอ ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า อำเภอบางพระ จนในปี พ.ศ. 2447 ทางราชการได้ย้ายที่ว่าการอำเภอบางพระมาตั้งอยู่ที่ตำบลศรีราชา ส่วนที่เปลี่ยนชื่อ “อำเภอบางพระ” มาเป็น “อำเภอศรีราชา” นั้นได้เปลี่ยนเมื่อประมาณแล้วต่อมาในปี พ.ศ. 2460 ได้เปลี่ยนจากอำเภอบางพระมาเป็น อำเภอศรีราชา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา[2]

ที่ตั้งและอาณาเขต

[แก้]

อำเภอศรีราชาตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลตะวันออกของอ่าวไทย พื้นที่ส่วนใหญ่มีภูเขาล้อมรอบและเป็นที่ลาดเนิน พื้นที่ในการปกครองของอำเภอมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียงดังต่อไปนี้

สภาพพื้นที่

[แก้]

อำเภอศรีราชามีเนื้อที่ประมาณ 643.558 ตารางกิโลเมตร (402,223.75 ไร่) พื้นที่การเกษตร 236,542.5 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 41.878 ของพื้นที่ทั้งหมด ระยะทางห่างจากเมืองชลบุรีโดยรถยนต์ 24 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลาดเนินเขาเล็ก ๆ กระจายทั่วไป พื้นที่เหมาะแก่การทำการเกษตร และอุตสาหกรรมมีที่ราบลุ่มทำนาได้บางส่วน ทิศตะวันตกติดชายฝั่งทะเล และไม่มีแม่น้ำลำคลองขนาดใหญ่ไหลผ่าน จะมีเฉพาะทางน้ำไหลจากภูเขาลงสู่ทะเล

ประวัติ

[แก้]

อำเภอศรีราชาเดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอบางละมุง ตัวเมืองบางละมุงเดิมตั้งอยู่ที่บ้านบางละมุงในเขตอำเภอบางละมุงในปัจจุบัน เมื่อประมาณ 100 ปีเศษมานี้ เมืองบางละมุงได้ย้ายมาตั้งอยู่ที่บ้านบางพระ แต่ยังคงใช้ชื่อเดิมว่า “เมืองบางละมุง” ในขณะที่ตั้งเมืองบางละมุงในขณะนั้น ระบบบริหารราชการแผ่นดินยังไม่มีอำเภอ ต่อมาทางราชการได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองเป็นมณฑล จึงได้ย้ายเมืองบางพระไปตั้งอยู่ที่บางปลาสร้อย อำเภอเมืองชลบุรีในปัจจุบัน และรวมเมืองพนัสนิคมเข้าด้วยกัน เรียกว่า “เมืองชลบุรี”

ส่วนเมืองบางพระนั้นได้ตั้งเป็นอำเภอ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2437 (ร.ศ. 113) เรียกว่า อำเภอบางพระ ต่อมาในปี พ.ศ. 2446 (ร.ศ. 122) จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีได้กราบทูลต่อพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวัฒนานุวงศ์ กรมขุนมรุพงศ์สิริพัฒน์ซึ่งเป็นสมุหเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลปราจีนบุรี ขอให้ย้ายอำเภอบางพระมาตั้งที่ศรีราชา แต่ยังคงใช้ชื่ออำเภอบางพระเหมือนเดิม ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 (ร.ศ. 136) จึงได้เปลี่ยนชื่ออำเภอบางพระมาเป็น อำเภอศรีราชา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยมีหลวงบุรีรัตถคามบดี (เปลี่ยน นินนาทนนท์) เป็นนายอำเภอศรีราชาคนแรก

การแบ่งเขตการปกครอง

[แก้]

การปกครองส่วนภูมิภาค

[แก้]

อำเภอศรีราชา แบ่งเขตการปกครองตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 ออกเป็น 8 ตำบล 69 หมู่บ้าน</ref>

1. ศรีราชา (Si Racha) 5. หนองขาม (Nong Kham)
2. สุรศักดิ์ (Surasak) 6. เขาคันทรง (Khao Khansong)
3. ทุ่งสุขลา (Thung Sukhla) 7. บางพระ (Bang Phra)
4. บึง (Bueng) 8. บ่อวิน (Bo Win)

การปกครองส่วนท้องถิ่น

[แก้]

ท้องที่อำเภอศรีราชาประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 8 แห่ง ได้แก่

  • เทศบาลนครแหลมฉบัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทุ่งสุขลาทั้งตำบล; บางส่วนของหมู่ที่ 3, 9 ตำบลสุรศักดิ์; หมู่ที่ 10 และบางส่วนของหมู่ที่ 1, 5, 9 ตำบลบึง; และบางส่วนของหมู่ที่ 11 ตำบลหนองขาม (รวมไปถึงหมู่ที่ 4, 6–9 ตำบลบางละมุงในอำเภอบางละมุง)
  • เทศบาลนครเจ้าพระยาสุรศักดิ์ ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ 1–2, 4–8, 10 และบางส่วนของหมู่ที่ 3, 9 ตำบลสุรศักดิ์; หมู่ที่ 2–4, 6–8, และบางส่วนของหมู่ที่ 1, 5, 9 ตำบลบึง; หมู่ที่ 1–5, 9–10 และบางส่วนของหมู่ที่ 11 ตำบลหนองขาม; หมู่ที่ 1–3, 6 และบางส่วนของหมู่ที่ 10 ตำบลเขาคันทรง; และหมู่ที่ 1–2, 5, 8 และบางส่วนของหมู่ที่ 3, 6 ตำบลบ่อวิน
  • เทศบาลเมืองศรีราชา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศรีราชาทั้งตำบล
  • เทศบาลตำบลบางพระ ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ 1, 3 และบางส่วนของหมู่ที่ 2, 4, 6, 9–10 ตำบลบางพระ
  • องค์การบริหารส่วนตำบลหนองขาม ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ 6–8 และบางส่วนของหมู่ที่ 11 ตำบลหนองขาม
  • องค์การบริหารส่วนตำบลเขาคันทรง ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ 4–5, 7–9 และบางส่วนของหมู่ที่ 10 ตำบลเขาคันทรง
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบางพระ ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ 5, 7–8, 11–12 และบางส่วนของหมู่ที่ 2, 4, 6, 9–10 ตำบลบางพระ
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบ่อวิน ครอบคลุมพื้นที่หมู่ที่ 4, 7 และบางส่วนของหมู่ที่ 3, 6 ตำบลบ่อวิน

ประชากร

[แก้]

อำเภอศรีราชา มีประชากร ประมาณ 3 แสนคน ปัจจุบันเป็นเขตกึ่งเกษตรกรรมและกึ่งอุตสาหกรรม ซึ่งมีแนวโน้มอุตสาหกรรมจะก้าวนำการเกษตร เนื่องจากการพัฒนาตามโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก มีท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เป็นต้น

เหตุการณ์สำคัญ

[แก้]

8 มีนาคม พ.ศ. 2535 เรือบรรทุกน้ำมัน ของบริษัท บีพีพี จำกัด กัปตันเรือได้แก่ นาย ปรีชา เพชรชู ชนเข้ากับ เรือผู้โดยสารสองชั้น ชื่อเรือ นาวาประทีป 111 กัปตันเรือได้แก่ นาย ประยูร ย๊ะกบ มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 119 ราย เป็นอุบัติเหตุทางน้ำที่ร้ายแรงมากที่สุดของประเทศไทย โดยมีผู้รอดชีวิต 15 ราย[3]

2 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โรงกลั่นน้ำมันของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เกิดเหตุไฟไหม้และระเบิดขึ้น มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 5 ราย[4]

การคมนาคม

[แก้]

การคมนาคมติดต่อระหว่างอำเภอและจังหวัด รวมทั้งการคมนาคมในตำบลและหมู่บ้าน มีรายละเอียด ดังนี้

  1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 สายกรุงเทพมหานคร-หาดเล็ก (ถนนสุขุมวิท)
  2. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 สายฉะเชิงเทรา-สัตหีบ
  3. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร-พัทยา
  4. ทางหลวงชนบทจำนวน 24 สาย สำหรับเชื่อมระหว่างตำบลและหมู่บ้าน มีสภาพเป็นถนนลูกรัง 13 สาย
  5. รถไฟสายกรุงเทพฯ–สัตหีบ (พลูตาหลวง) เชื่อมต่อลงไปยังท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง เป็นเส้นทางลำเลียงขนส่งสินค้าและน้ำมันเชื้อเพลิง
Call Now Button