Category Archives: ถนนบ้านนิยมยาตรา-บ้านคลองสวน

ถนนบ้านนิยมยาตรา-บ้านคลองสวน

ถนนบ้านนิยมยาตรา-บ้านคลองสวน is the position for activity in post to be presented at the first rank on Google page search by the focus keyword in category.

ถนนบ้านนิยมยาตรา-บ้านคลองสวน เป็นถนนทางสายหลักของ อำเภอบางบ่อ

บางบ่อ เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสมุทรปราการ

ที่ตั้งและอาณาเขต[แก้]

อำภอบางบ่อตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง เรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้

ที่มาของชื่ออำเภอ[แก้]

คำว่า บาง (น.) หมายถึง ทางน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลขึ้นลงตามระดับน้ำในแม่น้ำลำคลองหรือทะเล หรือตำบลบ้านที่อยู่หรือเคยอยู่ริมบางหรือในบริเวณที่เคยเป็นบางมาก่อน ส่วนคำว่า บ่อ (น.) หมายถึง ช่องลึกลงไปในดินหรือในหินใช้เป็นที่ขังน้ำขังปลาเป็นต้น (พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542)

เมื่อรวมกันแล้วคำว่า บางบ่อ น่าจะหมายถึง ท้องที่ที่มีทางน้ำเล็ก ๆ อยู่ใกล้ทะเล มีการกักเก็บน้ำไว้ใช้ หรือขุดบ่อล่อปลาให้เข้าไปอยู่เวลาน้ำขึ้น และเปิดน้ำออกเพื่อจับปลาเวลาน้ำลง

ประวัติศาสตร์[แก้]

หมู่บ้านบางบ่อได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปี พ.ศ. 2439[2] ในครั้งแรกตั้งที่ว่าการอำเภออยู่ที่บ้านคอลาด (ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านทางตอนเหนือของตำบลบางบ่อ) จึงได้ชื่อว่า อำเภอคอลาด[2] แต่เนื่องจากที่ตั้งนี้อยู่ห่างไกลจากตำบลอื่นมาก ประชาชนมาติดต่อราชการไม่สะดวก ในปี พ.ศ. 2443 ทางการจึงได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งอยู่บริเวณปากคลองบางพลี ซึ่งเป็นบริเวณที่มีลำคลองจาก 3 ทางไหลมาบรรจบกัน และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น อำเภอบางเหี้ย[3] ตามลำคลองสำคัญสายหนึ่งของท้องถิ่นซึ่งมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “คลองด่าน”

ในปี พ.ศ. 2472 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 1 ตำบลบางบ่อ แต่ก็ยังใช้ชื่ออำเภอตามเดิม[3] จนกระทั่งในปลายปีถัดมา (พ.ศ. 2473) กระทรวงมหาดไทยจึงเปลี่ยนชื่ออำเภอบางเหี้ยเป็น อำเภอบางบ่อ ตามชื่อตำบลที่ตั้งอำเภอและตามชื่อที่ประชาชนนิยมเรียก[4] และใช้ชื่อนี้ตั้งแต่นั้นมา ส่วนตำบลบางเหี้ยที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอนั้นถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “ตำบลคลองด่าน” ในภายหลังเมื่อปี พ.ศ. 2483[5] เนื่องจากทางการ (สมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี) เห็นว่าไม่สุภาพและไม่เป็นมงคล[3]

ครั้นในปี พ.ศ. 2486 จังหวัดสมุทรปราการถูกยุบลงเนื่องจากขณะนั้นเกิดปัญหาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อำเภอบางบ่อถูกโอนไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2489 ได้มีการจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการขึ้นมาอีกครั้ง[6] อำเภอบางบ่อจึงกลับมาอยู่ในการปกครองของทางจังหวัดจนถึงปัจจุบัน

ส่วนตรงนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ตั้งแต่หลังตั้งอำเภอบางบ่อ ขึ้นกับ จังหวัดสมุทรปราการ อีกครั้งหนึ่ง (พ.ศ. 2489)

  • วันที่ 14 พฤษภาคม 2499 จัดตั้งสุขาภิบาลบางบ่อ ในท้องที่บางส่วนของตำบลบางบ่อ [7]
  • วันที่ 4 มีนาคม 2506 จัดตั้งสุขาภิบาลคลองด่าน ในท้องที่บางส่วนของตำบลคลองด่าน [8]
  • วันที่ 1 ตุลาคม 2506 จัดตั้งสุขาภิบาลคลองสวน ในท้องที่บางส่วนของตำบลคลองสวน [9]
  • วันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ยกฐานะจากสุขาภิบาลบางบ่อ สุขาภิบาลคลองด่าน และ สุขาภิบาลคลองสวน เป็น เทศบาลตำบลบางบ่อ เทศบาลตำบลคลองด่าน และ เทศบาลตำบลคลองสวน
  • วันที่ 12 กันยายน 2554 ยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีน้อย เป็น เทศบาลตำบลบางพลีน้อย [10]

การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]

การปกครองส่วนภูมิภาค[แก้]

อำเภอบางบ่อแบ่งเขตการปกครองย่อยเป็น ตำบล แต่ละตำบลแบ่งออกเป็น หมู่บ้าน รวม 74 หมู่บ้าน ได้แก่

1. บางบ่อ (Bang Bo) 11 หมู่บ้าน 5. คลองด่าน (Khlong Dan) 14 หมู่บ้าน
2. บ้านระกาศ (Ban Rakat) 10 หมู่บ้าน 6. คลองสวน (Khlong Suan) 7 หมู่บ้าน
3. บางพลีน้อย (Bang Phli Noi) 11 หมู่บ้าน 7. เปร็ง (Preng) 9 หมู่บ้าน
4. บางเพรียง (Bang Phriang) 6 หมู่บ้าน 8. คลองนิยมยาตรา (Khlong Niyom Yattra) 6 หมู่บ้าน

การปกครองส่วนท้องถิ่น[แก้]

ท้องที่อำเภอบางบ่อประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง ได้แก่

การคมนาคม[แก้]

ย่านชุมชนของอำเภอบางบ่อ(ถ่ายตรงบริเวณถนนรัตนราช)

ที่ทำการไปรษณีย์บางบ่อ

อำเภอบางบ่อมีถนนสายหลัก ได้แก่

ถนนสายรอง ได้แก่

คลองที่สำคัญ ได้แก่

บุคคลที่มีชื่อเสียง[แก้]

วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง[แก้]

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2349 สุนทรภู่ได้ล่องเรือผ่านมาตามลำคลองสำโรง เพื่อเดินทางไปหาบิดาที่บ้านกร่ำ (เขตอำเภอแกลง จังหวัดระยองปัจจุบัน) ระหว่างทางก็ได้บันทึกการเดินทางแต่งเป็นนิราศเมืองแกลง บรรยายถึงท้องถิ่นที่ผ่านมาตามทาง ซึ่งได้กล่าวถึงบางบ่อไว้ดังนี้

“ถึงบางบ่อพอจันทร์กระจ่างแจ้ง ทุกประเทศเขตแขวงนั้นกว้างขวาง
ดูดาวดาษกลาดฟ้านภาภางค์ วิเวกทางท้องทุ่งสะท้านใจ
ดูริ้วริ้วลมปลิวที่ปลายแฝก ทุกละแวกหวาดหวั่นอยู่ไหวไหว
รำลึกถึงขนิษฐายิ่งอาลัย เช่นนี้ได้เจ้ามาด้วยจะดิ้นโดย
เห็นทิวทุ่งวุ้งเวิ้งให้หวั่นหวาด กัมปนาทเสียงนกวิหคโหย
ไหนจะต้องละอองน้ำค้างโปรย เมื่อลมโชยชื่นนวลจะชวนเชย
โอ้นึกนึกแล้วก็น่าน้ำตาตก ด้วยแนบอกมิได้แนบแอบเขนย
ได้หมอนข้างต่างน้องประคองเชย เมื่อไรเลยจะได้คืนมาชื่นใจฯ”
Call Now Button